ประวัติ ของ หลี่ ปิงปิง

หลี่ ปิงปิง เกิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 ที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง โดยที่ชื่อของเธอมีความหมายว่า [[น้ำแข็ง]" จบการศึกษาจากสถาบันการละครเซี่ยงไฮ้ มีผลงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษาด้วยการถ่ายแบบและเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณาสินค้าชิ้นต่าง ๆ และหน้าปกนิตยสาร รวมทั้งแสดงในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ของฮ่องกงและไต้หวัน ซึ่งส่วนมากจะเป็นบทสมทบในภาพยนตร์แนวกำลังภายในในบทของจอมยุทธ์หญิง

ในปี ค.ศ. 2000 เธอจะได้รับรางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่สิงคโปร์ครั้งที่ 13 จากผลงานเรื่อง Seventeen Years แต่การรับบทเล็ก ๆ ที่มีสีสันเป็นจอมโจรสาวในภาพยนตร์ของผู้กำกับฯ เฝิง เสี่ยวกัง เรื่อง A World without thieves ในปี ค.ศ. 2004 จนเป็นที่เตะตาและประทับใจผู้ชม ทำให้ชื่อของหลี่ ปิงปิงกลายเป็นที่รู้จักอย่างแท้จริง และขึ้นทำเนียบนักแสดงหญิงชั้นนำทั้งในและนอกของจีนแผ่นดินใหญ่

ในปี ค.ศ. 2005 เธอได้แสดงในภาพยนตร์แอ๊คชั่นเรื่อง Dragon Squad ร่วมกับแวนเนส วู หรือ อู๋ เจี้ยนหาว นักร้องหนุ่มแห่งบอยแบนด์ F 4 ที่มีชื่อเสียง โดยรับบทท้าทายเป็นนักสืบสาว ถึงขนาดที่ผู้กำกับฯ คือ เดเนียล ลี ยังให้เกียรติเธอเลือกบทด้วยตนเองด้วย นอกจากนี้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นครั้งแรกของเธอที่มีโอกาสประกบคู่กับนักแสดงจากฮอลลีวู้ด และต้องใช้บทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เธอได้มีโอกาสเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2008 เธอก็ได้มีโอกาสแสดงในภาพยนตร์ทุนสร้างสูงในแบบกำลังภายในจินตนิมิตเรื่อง The Forbidden Kingdom คู่กับนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง เฉินหลง และเจ็ต ลี และร่วมด้วยหลิว อี้เฟย์ โดยรับบทเป็นนางมารผมขาว

ในปี ค.ศ. 2011 เธอได้มีโอกาสแสดงนำอีกครั้งคู่กับ เฉินหลง โดยรับบทเป็น สวี จงฮั่น ภริยาของ หวงซิง ที่รับบทโดยเฉินหลง สมาชิกพรรคถงเหมิงฮุ่ยผู้อุทิศตนให้เต็มที่กับการปฏิวัติประเทศจีน ในภาพยนตร์ทุนสร้างสูงแนวประวัติศาสตร์จีนเรื่อง 1911 แต่ว่าเมื่ออกฉายจริงแล้วฉากเลิฟซีนของเธอกับเฉินหลงได้ถูกตัดออกเกือบหมดเพื่อความเหมาะสมกับภาพยนตร์แนวนี้

ทางด้านผลงานการถ่ายแบบ หลี่ ปิงปิง ถือได้ว่าเป็นนักแสดงหญิงที่มีผลงานการถ่ายแบบถี่และมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะในปี ค.ศ. 2005 เธอเป็นแบบให้กับปกนิตยสารถึง 7 ฉบับ เทียบเท่ากับ เจ้า เวย นักแสดงสาวชาวจีนอีกคนที่มีชื่อเสียง โดยมี ฟ่าน ปิงปิง ตามมาเป็นอันดับสอง[1][2]